ในภาวะที่ร่างกายขาดพลังงานและสารอาหารที่จำเป็นจากโรคหรือภาวะต่างๆ สิ่งหนึ่งที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารตามความต้องการอย่างเหมาะสมก็คือ “อาหารทางการแพทย์” เป็นอาหารที่ถูกคิดค้นมาเพื่อผู้ป่วยและผู้ที่ไม่สามารถได้รับโภชนาการที่เพียงพอจากการทานอาหารปกติ หรือ ผู้สูงอายุ ทารก ซึ่งอยู่ภายใต้คำแนะนำและการดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ อาหารทางการแพทย์มาในรูปแบบผงหรือน้ำ ทำให้สามารถบริโภคทั้งทางปากและทางสายยาง โดยสามารถเป็นทั้งอาหารหลักแทนอาหารแต่ละมื้อหรืออาหารเสริม ปัจจุบันยังมีการคำนวณปริมาณสารอาหารที่เหมาะสม จำกัดสารอาหารที่กระตุ้นโรคให้กำเริบ และพัฒนาสูตรอาหารทางการแพทย์ต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของต่อผู้ป่วยโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะอีกด้วย
จะช่วยเสริมโภชนาการให้ครบถ้วนและทดแทนสารอาหารบางชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารค่ะ
ถูกพัฒนามาเพื่อปัจจัยหลายอย่าง เช่น ลูกน้อยแพ้โปรตีน, มีอาการท้องเสีย, อาการแหวะนม, น้ำหนักน้อย, เบื่ออาหาร หรือหลีกเลี่ยงภาวะขาดสารอาหารที่อาจจะส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก โดยขอแนะนำให้เลือกยี่ห้อที่ระบุช่วงวัยของเด็กชัดเจน เพื่อความเหมาะสมต่อร่างกายค่ะ
จะช่วยบำรุงร่างกายและเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน เนื่องจากการรับประทานอาหารได้น้อยลงและสุขภาพร่างกายถดถอย ดังนั้น สารอาหารต่าง ๆ จะถูกพัฒนามาให้ดูดซึมและย่อยได้ง่ายขึ้นค่ะ
เป็นอาหารที่ถูกคิดค้นและพัฒนามาเพื่อผู้ป่วยโดยเฉพาะ ซึ่งแต่ละโรคจะมีส่วนผสมที่แตกต่างกัน เช่น โรคไตจะต้องจำกัดปริมาณแร่ธาตุ, โรคเบาหวานจะต้องลดปริมาณน้ำตาล, โรคตับจำกัดปริมาณไขมันที่ควรมีเพียง 15% จากพลังงานทั้งหมด หรือผู้ป่วยพักฟื้นจากการผ่าตัดจะต้องการปริมาณโปรตีนสูง เพื่อลดการอักเสบและซ่อมแซมร่างกาย เป็นต้น
หวังว่าทุกคนจะสามารถเลือกอาหารทางการแพทย์ที่เหมาะสมต่อตัวเองได้อย่างไรก็ตาม อาหารทางการแพทย์ ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ คุณจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนทาน พร้อมทั้งตรวจสอบข้อมูลการแพ้อาหาร เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย นอกจากนี้ อาหารทางการแพทย์โดยส่วนใหญ่ เมื่อเปิดรับประทานแล้ว ควรทานให้หมดภายใน 1 เดือน โดยเก็บรักษาในบริเวณที่แห้งและเย็น พร้อมทั้งปิดฝาให้แน่นสนิท เพื่อป้องกันความชื้นเข้าไปทำลายให้อาหารเสียเร็วนะค่ะ
2022-09-15 11:45:30