อาหารเสริมวิตามินบำรุงสายตายี่ห้อไหนดี

ดวงตามีความสำคัญอย่างไร ?
ดวงตาถือเป็นอวัยวะสำคัญที่มีบทบาทและมีคุณค่ามาก เรียกว่ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของสิ่งที่เราเรียนรู้ในชีวิต ล้วนมาจากการมองเห็นทั้งสิ้น การมองเห็นที่ชัดเจนจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการดำเนินชีวิต สายตาปกติเป็นผลของการที่แสงโฟกัสผ่านกระจกตา และเลนส์แก้วตา ลงพอดีที่จอประสาทตา แต่ถ้ากำลังการรวมแสงของตาไม่พอดีกับความยาวลูกตา จะเป็นผลทำให้การรวมแสงของตาตกไม่พอดีที่จอประสาทตา จึงเกิดภาวะสายตาผิดปกติได้
สายตาเรามีเพียงแค่คู่เดียวเท่านั้น จึงควรต้องดูแลรักษาให้ดี ๆ ทว่าการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลอย่างนี้ก็ต้องยอมรับว่าเราหลีกเลี่ยงการใช้สายตาไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศที่ต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน หรือแม้แต่ยูทูบเบอร์ เน็ตไอดอลที่ต้องใช้โซเชียลหนัก ๆ หรือต้องนั่งเผชิญหน้ากับแสงไฟ ก็แน่นอนว่าคงส่งผลกระทบกับสายตาเราไม่น้อย บางคนเลยรู้สึกว่าทั้งที่อายุก็ไม่ได้มาก แต่เริ่มมีสายตาพร่ามัว หรือมีปัญหาตาสู้แสงไม่ได้ งั้นมาดูกันว่าหากเราอยากเริ่มดูแลสุขภาพดวงตา มีอาหารเสริมวิตามินอะไรที่ช่วยดูแลดวงตาได้บ้าง
สาเหตุที่ทำให้เกิดอันตรายต่อดวงตา
หลายสาเหตุในชีวิตประจำวันของเราส่งผลทำให้เกิดอันตรายต่อดวงตาได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ จอโทรทัศน์ หรืออ่านหนังสือเป็นเวลานาน ทำให้ปวดตา เนื่องจากกล้ามเนื้อตาล้า หรือการเผชิญกับแสงแดดและแสงไฟจากอุปกรณ์ส่องสว่างมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคทางตาได้สูงกว่าปกติ เช่น โรคต้อเนื้อ ต้อกระจกบางชนิด และโรคจอประสาทตาเสื่อม
นอกจากนี้ หากดวงตาสัมผัสโดนสารปนเปื้อนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น ควัน การใช้เครื่องสำอาง หรือสารเคมีในสระว่ายน้ำ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองตา และมีอาการพร่ามัวได้ เช่นเดียวกับการใส่คอนแทคเลนส์ที่สกปรก หรือใส่ขณะนอนหลับ จะทำให้กระจกตาได้รับออกซิเจนน้อยลง เนื่องจากเปลือกตาปิด ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การพักผ่อนไม่เพียงพอ ทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ สูบบุหรี่จัด รวมถึงกรรมพันธุ์ ส่งผลต่อโรคทางดวงตาได้ทั้งสิ้น โดยผู้ที่ได้รับถ่ายทอดทางพันธุกรรมส่วนใหญ่มักจะแสดงอาการของโรคให้เห็นเมื่ออายุประมาณ 60 ปีขึ้นไป
- วิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตาในส่วนการทำงานของจอประสาทตา และมีบทบาทสำคัญด้านการมองในที่มืด โดยแหล่งอาหารที่มีวิตามินเอค่อนข้างสูง จะอยู่ในผักใบเขียว เช่น ชะอม คะน้า ยอดกระถิน ตำลึง ผักโขม ผักบุ้ง เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบวิตามินเอได้ในฟักทอง แครอต เสาวรส มะละกอ มะม่วงสุก และตับหมู
- วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) ช่วยบำรุงสายตา เยื่อเมือกตา และม่านตา และจากงานวิจัยก็พบว่า เราควรได้รับวิตามินบีปริมาณ 1.1-1.3 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นขนาดที่แนะนำต่อวัน แต่หากว่าร่างกายได้รับไม่เพียงพอ อาจเสี่ยงมีอาการตาไวต่อแสง แสบตา เลือดออกในตาได้ โดยแหล่งที่มีวิตามินบี 2 อยู่มาก เช่น ผลิตภัณฑ์นม เนื้อสัตว์ ธัญพืช เป็นต้น
- วิตามินซี ช่วยชะลอความเสื่อมจากโรคต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อมได้ โดยมีการวิจัยพบว่า หากรับประทานวิตามินซีวันละ 490 มิลลิกรัมขึ้นไป สามารถลดความเสี่ยงต่อโรคต้อกระจกได้ถึง 45% ซึ่งอาหารที่มีวิตามินซีสูง ได้แก่ ฝรั่ง ส้ม สับปะรด มะขามป้อม และผักอย่างพริกหวาน มะเขือเทศ กะหล่ำดอก รวมไปถึงบรอกโคลี
- วิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในเซลล์รับแสงที่จอประสาทตา ช่วยปกป้องดวงตาจากแสงแดด และมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคต้อกระจก โดยปริมาณที่ควรได้รับไม่ควรเกิน 1,000 ไมโครกรัมต่อวัน ซึ่งแหล่งอาหารที่พบวิตามินอีอยู่มากก็ได้แก่ ข้าวกล้อง ถั่วเมล็ดแห้ง งา ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ น้ำมันพืช น้ำมันดอกคำฝอย ข้าวโพด และถั่วเหลือง เป็นต้น
- ลูทีน และซีแซนทีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำหน้าที่ช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลาย ชะลอการเกิดต้อกระจก และโรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งสามารถหาลูทีนและซีแซนทีนได้จากผัก-ผลไม้ที่มีสีเขียวเข้มและสีเหลือง เช่น ผักคะน้า ปวยเล้ง ผักโขม บรอกโคลี ข้าวโพด และพบได้ในไข่แดง เป็นต้น
- เบต้าแคโรทีน ช่วยในการมองเห็นในที่มืด และลดความเสื่อมของเซลล์ลูกตา รวมทั้งลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจก โดยเราสามารถรับเบต้าแคโรทีนได้จากฟักทอง แครอต มะละกอ ข้าวโพดอ่อน หน่อไม้ฝรั่ง ผักบุ้ง ตำลึง แตงโม เป็นต้น
- เคอร์ซิทีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต้านความเสื่อมของจอประสาทตา และป้องกันการเกิดโรคต้อหิน โดยสามารถกินหอมแดง กระเทียม ถั่วชนิดต่าง ๆ แอปเปิล องุ่น เบอร์รี เพื่อรับเคอร์ซิทินไปบำรุงสายตาได้เลย
- ซีลีเนียม มีส่วนช่วยชะลอการเกิดต้อกระจกและมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ พบได้มากในหอยนางรม หอยลาย ตับไก่ และเมล็ดทานตะวัน
- สังกะสี สารต้านอนุมูลอิสระในสังกะสีมีส่วนช่วยชะลอความเสื่อมของจอประสาทตาที่มีอาการอยู่แล้ว ให้เกิดความเสื่อมช้าลง โดยแหล่งที่พบสังกะสี ได้แก่ อาหารทะเล เช่น หอยนางรม หอยแมลงภู่ ปู กุ้ง รวมทั้งเนื้อสัตว์ ตับ และธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี
- โอเมก้า 3 มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะตาแห้ง ทำให้คุณภาพของน้ำตาดีขึ้น และบำรุงประสาทตา ซึ่งกรดไขมันโอเมก้า 3 พบได้มากในปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลากะพง ปลาช่อน และในผลไม้ เช่น กีวี เป็นต้น
- ไม่ควรหวังผลในการรักษาหรือป้องกันโรค เพราะวิตามินบำรุงสายตาเป็นเพียงวิตามินเสริมเท่านั้น
- เก็บให้พ้นแสงแดด เพราะความร้อนอาจทำให้วิตามินเสื่อมคุณภาพ หรือมีประสิทธิภาพลดลงได้
- ระมัดระวังการใช้วิตามินเสริมในเด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้มีโรคประจำตัวใด ๆ และผู้สูงอายุ หากจำเป็นต้องกินอาหารเสริม ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนทุกครั้ง
- คนที่มีอาการแพ้ยา แพ้อาหารเป็นทุนเดิม ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนทุกครั้ง
- กินตามคำแนะนำจากเภสัชกร แพทย์ หรือข้อควรใช้บนฉลากผลิตภัณฑ์เท่านั้น
การดูแลรักษาให้ปลอดภัยต่อดวงตา
- ควรพักสายตาจากการเพ่งมองหน้าจอต่างๆ ทุกๆ 20 นาที โดยหันไปมองสิ่งอื่น หรือที่ไกลๆซักประมาณ 20 วินาที จะช่วยป้องกันอาการปวดตา ตาล้า และตาแห้งได้ รวมทั้งการวางตำแหน่งคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม ตรง 10-20 องศาใต้ระดับสายตา รวมทั้งจัดแสงไฟภายในห้องให้พอดี เพื่อลดแสงสะท้อนและความไม่สบายตา
- หากต้องสัมผัสแสงแดดจ้า แนะนำให้ใส่แว่นกันแดดทุกครั้ง โดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00-14.00 น. เนื่องจากเป็น ช่วงที่รังสีอัลตราไวโอเลตมีความรุนแรงมากที่สุด ซึ่งเลนส์แว่นกันแดดต้องสามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตได้ โดยเลนส์สีเทาจะทำให้เห็นภาพได้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด
- พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้ดวงตาระคายเคือง แต่หากสัมผัสไปโดน ควรล้างตาในน้ำสะอาด ไม่ควรใช้น้ำยา ล้างตา เนื่องจากดวงตาของเราผลิตน้ำตาตามธรรมชาติ เพื่อป้องกันและชะล้างสิ่งเหล่านี้ออกอยู่แล้ว หากใช้น้ำยาล้างตาอย่างต่อเนื่องจะทำให้ดวงตาสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไป
- พักผ่อนให้เพียงพอ และทานผักผลไม้ที่เป็นประโยชน์ เน้นอาหารที่มีวิตามินเอ หรืออาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระประเภทลูทีน ซีแซนทีน จากพืชผักผลไม้ที่มีสีเขียวเข้มและสีเหลืองเช่น ผักคะน้า ผักปวยเล้ง ผักโขมและข้าวโพด ผลบลูเบอร์รี่ ซึ่งจะช่วยลดอันตรายจากอนุมูลอิสระในแสงแดดที่ทำลายจอตา และช่วยลดปัญหาตาบอดจากจอประสาทตาเสื่อมได้
แต่ถ้าเราไม่เวลาพักผ่อนและดูแลดวงตาของเรา ก็จะมีวิตามินอาหารเสริมเพื่อเพิ่มความต้องการของดวงตาเราได้หลายๆแบรนด์ เพื่อความต้องการดูแลรักษาดวงตาของเราให้เป็นหน้าต่างของหัวใจของการมองเห็น
บทสรุป
อย่างไรก็ตาม นอกจากวิตามินบำรุงสายตาแล้ว การดูแลสุขภาพดวงตาที่สำคัญและควรทำก็คือรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ อย่าใช้สายตาหักโหมมาก หากต้องมองหน้าจอหรืออ่านหนังสือนาน ๆ ควรพักสายตาไปมองวิว มองทัศนียภาพไกล ๆ มองพื้นที่สีเขียว ทุก 30 นาที เพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อดวงตาไม่ให้อ่อนล้าจนเกินไป

2023-01-24 16:21:26