Silymarin extract (สารสกัดดอกมิลค์ทิสเซิล)

     Silymarin เป็นสารสกัดจากเมล็ดของสุมนไพรที่มีชื่อว่า “Milk Thistle” และใช้รักษาโรคตับกันมานานกว่าศตวรรษ ซึ่งส่วนประกอบหลักของ Milk Thistle คือสาร Flavonoids หลากกลายชนิด ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่แรง สาร Silymarin สามารถปกป้องตับจากการทำลายของสารอนุมูลอิสระ ซึ่งรวมไปถึงสารพิษ, ยา, พิษของแอลกอฮอล์ที่มีต่อตับ และยังช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ตับให้สร้างขึ้นมาใหม่ และนอกจากนี้สาร Silymarin ยังช่วยเพิ่มระดับของ Glutathione, Superoxide Dismutase และ Catalase ซึ่งเหล่านี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีหน้าที่ในการปกป้องตับจากสารพิษ และมันยังแสดงให้เห็นว่ามันสามารถลดการดื้อต่ออินซูลินอีกด้วย

     สารสกัดดอกมิลค์ทิสเซิล Milk Thistle เป็นพืชที่ถูกนำไปแพร่หลายในยุโรป หรือคนส่วนใหญ่จะเรียกอีกชื่อว่า St. Mary's Thistle มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Silybum marianum (L.) Gaertn. ซึ่งชื่อ Milk Rhistle นี้ คำว่า Milk ได้มาจากลักษณะของยางสีขาวของพืชชนิดนี้ที่คล้ายกับน้ำนม ส่วนคำว่า thistle หมายถึง พันธุ์ไม้ที่มีหนาม มักจะพบต้นไม้ชนิดนี้ในลักษณะเป็นไม้ดอกต้นเล็กๆ คนยุโรปบางคนก็มักจะนำก้านหรือใบอ่อนๆมาเป็นส่วนประกอบในอาหารจานสลัด แต่ส่วนที่มีการนำมาใช้เพื่อป้องกันและรักษาโรคคือเมล็ด

สารสกัดดอกมิลค์ทิสเซิล Milk Thistle สามารถช่วยป้องกันตับได้เพราะอะไร 

•      เพราะในสารสำคัญที่ได้จาก Milk Thistle เรียกว่า Silymarin ซึ่งประกอบไปด้วย Silybin Silydianin และ Silychristin ซึ่งสารประกอบเหล่านี้ต่างมีฤทธิ์เฉพาะต่างๆ ที่ช่วยประสานงานกันเพื่อป้องกันตับจากสารพิษต่างๆ โดย Silymarin มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ มีผลต่อการลดการเกิดปฏิกิริยาการสร้างไขมัน และยังช่วยปิดช่องทางที่พิษจะเข้าสู่ตับและลดการดูดซึมพิษเข้าสู่เซลล์ตับอีกด้วย พิษในที่นี้ รวมไปถึงพิษจากเห็ดพิษ และพิษจากงูด้วย ทางการแพทย์จึงนิยมนำ Milk Thistle มาใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการตับอักเสบ ตับแข็ง ภาวะไขมันสะสมในตับ รวมถึงนำมาช่วยขจัดและล้างสารพิษออกจากตับในผู้ป่วยบางรายอีกด้วย

ประโยชน์ของ Silymarin  

 เบื่ออาหาร อาการเสียดท้อง(อาการอาหารไม่ย่อย)
 ต่อมลูกหมากโต(benign prostatic hyperplasia)
 ความผิดปกติของเลือดเรียกว่าเบต้า ทาลัสซิเมีย(beta-thalassemia)
 ภาวะมีบุตรยาก
 โรคเบาหวาน
 ความเสียหายของไต
 โรคเกี่ยวกับม้าม
 มะเร็งต่อมลูกหมาก
 ปอดและหน้าอกอักเสบ
 โรคมาลาเรีย
 อาการซึมเศร้า
 อาการเกี่ยวกับมดลูก
 อาการภูมิแพ้
 โรคอัลไซเมอร์
 โรคพาร์กินสัน
 เส้นโลหิตตีบ
 คอเลสเตอรอลสูง

คำแนะนำในการรับประทาน 

❀  สำหรับไวรัสตับอักเสบเฉียบพลัน: 160-800มก. โดยรับประทานทุกวันสามเวลา เป็นเวลาสามสัปดาห์
❀  สำหรับอาการแพ้: 140 มก. 3 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 1 เดือน
❀  สำหรับพิษเชื้อราแบบเห็ด: 20-50มก. ต่อกิโลกรัม ไซลิมาลิน 500 มิลลิลิตร ของสารละลายเดกซ์โทรส 5% ฉีดเข้าไปในหลอดเลือดดำทุกๆ 6 ชั่วโมงต่อวัน
❀  สำหรับต้านอนุมูลอิสระ: ใช้ไซลิมาริน ขนาด 140 มก. โดยรับประทาน 3 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 3 สัปดาห์
❀  สำหรับโรคตับแข็ง: 160-800 มก. ของ ไซลิมาริน รับประทานในปริมาณ 2-3 ครั้งต่อวันเป็นเวลาไม่เกินสองปี
❀  สำหรับโรคเบาหวาน: ไซลิมาริน ขนาด 200-230 มก. รับประทาน 1-3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 4 สัปดาห์ถึง 12 เดือนพร้อมกับการรักษาตามปกติ
❀  สำหรับรักษาไตในโรคเบาหวาน: ใช้ไซลิมาริน ขนาด 140 มก. 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 3 เดือน
❀  สำหรับความเสียหายของตับจากยาหรือสารพิษ: 160-800 มก. ของ ไซลิมาริน รับประทานทุกวันสามครั้ง เป็นระยะเวลาตั้งแต่ 15 วันถึง5สัปดาห์; ยาไซบินิน 70 มก. รับประทาน 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 6-12 เดือน
❀  สำหรับภาวะเจริญพันธุ์: ใช้ยาสามขนาด ขนาด 70 มก.
❀  สำหรับคอเลสเตอรอลสูง: ใช้ ไซลิมาริน 200-600 ไมโครกรัมเป็นเวลา 1 หรือ 3 ครั้งต่อวัน เป็นเวลาสี่เดือนนอกเหนือจากการรักษาตามปกติ
❀  สำหรับโรคตับเรื้อรัง: 160-480มก.ของไซลิบิน รับประทานหนึ่งหรือสามครั้งต่อวันเป็นเวลานานถึงสามเดือน 120-420มก.ของไซลิมาริน รับประทานทุกวัน แบ่งยาเป็นสามขนาด สำหรับเวลาสี่สัปดาห์ถึง 12 เดือน; ไซลิบินิน โดยฉีดเข้าไปในหลอดเลือดดำเป็นระยะเวลา 10-14 วัน
❀  สำหรับโรคข้อเข่าเสื่อม: ของไซลิมาริน 150 มิลลิกรัมรับประทานวันละสองครั้งเป็นเวลาแปดสัปดาห์
❀  สำหรับการระคายเคืองผิวหนังจากรังสี: ใช้ครีม ไซลิมาริน บนผิวหนังเด็ก (ต่ำกว่า 18 ปี)
❀  สำหรับความเสียหายของตับจากยาหรือสารพิษ: 80-320 มก.ของไซลิบินิน รับประทานต่อกันวันเป็นเวลา 28 วัน

ข้อควรระวังในการใช้Silymarin 

1. ท้องไส้ปั่นป่วน
2. ท้องเสีย
3. คลื่นไส้และอาเจียน
4. ผื่น (จากการสัมผัสมิลค์ทิสเทิล)

ข้อมูลอ้างอิง
1. Phyllis A. Balch. Stress. In: a member of Penguin Group (USA) Inc. Prescription for Nutritional Healing. Forth Edition. New York: AVERY; 2006. p. 69. 2. https://www.webmd.com/vitamins/ai/ingredientmono-138/milk-thistle